TH | EN

โครงสร้างธุรกิจของ PPS เป็นอย่างไร?

เราให้บริการด้านการพัฒนาโครงการก่อสร้างแบบครบวงจร ตั้งแต่ก่อนการก่อสร้างไปจนถึงการบริหารอาคารและระบบปฏิบัติการของอาคาร ในส่วนของระยะก่อนการก่อสร้าง เราให้บริการตั้งแต่การวางแผน การศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ การออกแบบ และองค์ประกอบอื่นที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ในขั้นตอนการก่อสร้าง เราให้บริการที่ปรึกษาด้านการจัดทำเงื่อนไขสัญญางานวิศวกรรม จัดซื้อจัดหาและการก่อสร้าง การบริหารโครงการ และการควบคุมในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และสุดท้ายคือการบริหารอาคารและการบริการด้านอื่นๆ เราให้บริการเรียกร้องสินไหมทดแทน การตลาด การบริหารอาคารสถานที่ อินเตอร์เน็ตแห่งสรรพสิ่ง เทคโนโลยีสารสนเทศ และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของ PPS คือใครบ้าง?

เนื่องด้วยเราเป็นผู้ให้บริการด้านการก่อสร้างและบริหารอาคารแบบครบวงจร ลูกค้าของเราจึงมีทั้งกลุ่มผู้รับเหมาและเจ้าของโครงการ ซึ่งทั้งสองส่วนอาจไม่ได้เป็นลูกค้าในเวลาเดียวกันสำหรับทุกโครงการ แต่ก็เป็นเป้าหมายที่เราอยากทำให้สำเร็จ โครงการที่เราดำเนินการเป็นโครงการของภาคเอกชนเป็นหลัก แต่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเราก็สามารถประมูลโครงการของภาครัฐมาได้บ้าง โครงการที่เราได้เข้าไปมีส่วนร่วมมีหลากหลาย อาทิ โครงสร้างพื้นฐาน โครงการที่อยู่อาศัย โรงพยาบาล ศูนย์การแพทย์ อาคารสำนักงานและห้างสรรพสินค้า รวมถึงโครงการสนามบินสุวรรณภูมิ ไอคอนสยาม และแมกโนเลียส์ วอเตอร์ฟรอนท์ เรซิเดนเซส สยาม สิรินธร ศาลฎีกา รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และเทสโก้ โลตัสหลายสาขา ปัจจุบันเราดำเนินการไปแล้วกว่า 360 โครงการ โดยคิดเป็นร้อยละ 58 ในกรุงเทพฯ และร้อยละ 42 ในต่างจังหวัด

มีการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างธุรกิจของ PPS ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา คุณช่วยอธิบายเพิ่มเติมถึงการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวและผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้นหน่อยได้ไหม?

PPS ต้องการสร้างวิธีการทำงานแบบเน้นนวัตกรรมและมีความเป็นสากล ดังนั้นเราจึงคิดใหม่และพลิกโฉมแบรนด์ มองไปถึงการขยายการให้บริการไปยังตลาดต่างประเทศ ขยายกิจการโดยวิธีการควบรวม และบริการทางการเงิน อันดับแรก เรามีพันธมิตรใหม่ คือ One Works ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านการออกแบบระดับโลกที่ให้บริการครบวงจรด้านสถาปัตยกรรม โครงสร้างพื้นฐาน วิศวกรรมผังเมือง และการวางระบบ PPS One Works ในประเทศไทย ด้วยระบบดังกล่าว เราสามารถให้ความช่วยเหลือทางเทคนิคเพิ่มเติมกับลูกค้าได้ รวมถึงการสนับสนุนด้าน QS และ BIM ซึ่งเป็นฐานข้อมูล 3 มิติสำหรับการพัฒนาโครงการ ซึ่งจะมีประโยชน์ต่องานบริหารอาคารด้วยเช่นกัน ด้วยการขึ้นแบบ 3 มิติ วิธีการทำธุรกิจของเราจะเปลี่ยนโฉมไปพอสมควร เนื่องจากระยะเริ่มต้นโครงการที่มักเริ่มจากภาพเขียน อาจต้องมีการแก้ไขแบบหลายครั้งในขั้นวางแผนและก่อสร้างจนกว่าจะเสร็จสมบูรณ์ ด้วยการบริการด้านข้อมูลการก่อสร้าง หรือ BIM เราสามารถแสดงการเปลี่ยนแปลงให้เห็นชัดเจนเป็นรูปภาพ รวมถึงต้นทุนโครงการแบบทันที ซึ่งเป็นประโยชน์ที่ประเมินค่ามิได้สำหรับเจ้าของโครงการ ในมุมของเราการบริการในรูปแบบนี้จะไม่เป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้อีกต่อไป นอกจากนั้น One Works ยังได้ซื้อบริษัท BIMKeeper เมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งจะส่งผลดีมากเนื่องจากบริษัทส่วนใหญ่ยังคงพึ่งพาผู้ให้บริการบุคคลที่สามเป็นผู้บริหารจัดการฐานข้อมูลโครงการหลังจากดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว หากเราดำเนินการในส่วนนี้เอง ข้อมูลก็จะเป็นทรัพย์สินทางดิจิตอลของเรา ทำให้เราไม่เป็นเพียงแค่ผู้ให้บริการที่ทำงานเป็นรายโครงการ แต่จะทำให้เราสามารถอยู่กับลูกค้าได้ตลอดในระยะยาว ซึ่งอาจนำไปสู่การให้บริการด้านงานบริหารอาคารในอนาคต สร้างโอกาสให้เรามีรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ PPS One Works เริ่มดำเนินงานเมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมาและได้รับงานมา 2-3 โครงการแล้วสำหรับทั้งบริการ QS และ BIM สำหรับโครงการห้างสรรพสินค้าและโรงพยาบาล

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นในเรื่องการเงิน การบริหารงานก่อสร้างซึ่งเป็นธุรกิจหลักมีมูลค่าโดยเฉลี่ยคิดเป็น 2% ของมูลค่ารวมของโครงการ ในขณะที่ QS และ BIM ก็คิดเป็น 2% โดยเฉลี่ยเช่นกัน ดังนั้นเราจึงมุ่งเพิ่มศักยภาพด้วยการรับโครงการใหม่ๆ ในอนาคต ข้อดีประการสุดท้ายของระบบ PPS One Works ก็คือ One Works เองมีขีดความสามารถในการบริหารโครงการระบบขนส่งหลัก อาทิ สนามบิน รถไฟ ซึ่งจะยกระดับการให้บริการที่เราสามารถให้กับลูกค้า ในส่วนของบริการ PPS Finance เนื่องด้วยเราเข้าใจองค์ประกอบหลักของการพัฒนาโครงการเป็นอย่างดี และทราบดีว่าที่มาของเงินลงทุนมาจากที่ใดสำหรับแต่ละโครงการ ตลอดจนค่าความเสี่ยง เราจึงมองเห็นโอกาสที่จะให้บริการนี้กับลูกค้าได้ ในการนี้ เราจึงมองถึงการให้บริการจัดหาเงินทุนสำหรับการก่อสร้างสำหรับโครงการของลูกค้า อาจไม่ใช่จากเงินทุนในส่วนของบริษัทฯ เองเสมอไป แต่อาจเป็นเงินทุนจากบุคคลที่สาม ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ในหลายรูปแบบ เราเองก็กำลังศึกษาอยู่ว่าทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่ายคืออะไร

อะไรคือความเสี่ยงที่มีนัยยะสำคัญต่อธุรกิจของคุณ?

หัวใจสำคัญในการขยายไปสู่ธุรกิจใหม่หรือแนวทางใหม่ๆ คือการมีทีมงานที่มีความสามารถและการบริหารจัดการที่กระตือรือร้นในการขับเคลื่อนโครงการต่างๆ เนื่องจากมีตลาดและธุรกิจใหม่เกิดขึ้น จึงมีโอกาสเกิดความเสี่ยงที่เราไม่ทราบมาก่อน และเราเองก็กำลังมองหาทีมงานที่จะมาขับเคลื่อนการปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพร่วมกัน

ผลประกอบการด้านการเงินของ PPS มีความมั่นคงแต่ก็ยังมีความผันผวน อะไรคือเหตุผลหลักของประเด็นนี้?

ปีนี้เรายังคงคาดหวังการเติบโตที่ร้อยละ 10 แต่กำไรอาจลดลงเล็กน้อย ปัจจัยลบที่ส่งผลต่อกำไรคือโครงการของการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย และบริษัทอื่นที่มีความเกี่ยวข้องกับโครงการนี้ เนื่องจากเรายังไม่สามารถเก็บเงินได้ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ดังนั้นรายได้จึงมีค่าเท่ากับต้นทุนโครงการ และจะสามารถรับรู้กำไรต่อเมื่อเก็บเงินได้ นอกจากนั้น ด้วยการทำงานของเราเป็นลักษณะงานโครงการ รายรับจึงมีความผันผวน แม้ว่าการบริการใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตมีแนวโน้มที่จะลดความผันผวนดังกล่าวลงได้

คุณมองภาพธุรกิจของ PPS ในอีก 5 ปีข้างหน้าอย่างไรบ้าง?

ด้วยการบริการที่มีในปัจจุบันและการบริการใหม่ในอนาคต เป้าหมายของเราคือการสร้างรายได้ 1,000 ล้านบาทเพื่อยกระดับบริษัทฯ ด้วยการย้ายจากการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ไปสู่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย


บทสัมภาษณ์ผู้บริหารชุดนี้จัดทำโดยบริษัท ShareInvestor ผู้ให้บริการด้านสื่อการเงินออนไลน์ เทคโนโลยี และเครือข่ายนักลงทุนสัมพันธ์ชั้นนำของภูมิภาคเอเชีย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อที่อีเมล์ admin.th@shareinvestor.com หรือเว็บไซท์ www.ShareInvestorThailand.com